อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าปี 2566 และแนวโน้มปี 2567
อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าปี 2566 ดัชนีผลผลิตลดลง 9.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยลดลงทั้งกลุ่มเหล็กทรงยาวและเหล็กทรงแบน เช่นเดียวกับการนำเข้าที่หดตัว 7.3% ในขณะที่การบริโภคเหล็กในประเทศขยายตัว 1.9%
รายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมปี 2566 และแนวโน้มปี 2567 ที่เผยแพร่โดย กองนโยบายอุตสาหกรรมรายสาขา สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ระบุว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าลดลงเมื่อเทียบกับปี 2565 โดยลดลงทั้งกลุ่มเหล็กทรงยาวและเหล็กทรงแบน ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงยาวที่ลดลง เช่น เหล็กเส้นกลม เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ ชนิดรีดร้อน เหล็กลวด และลวดเหล็ก และผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงแบนที่ลดลง เช่น เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน เหล็กแผ่นรีดเย็น และเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี
การผลิตเหล็กและเหล็กกล้า
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าปี 2566 อยู่ที่ 82.2 ลดลง ร้อยละ 9.7 (%YoY) ซึ่งลดลงทั้งผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงยาวและเหล็กทรงแบน ดังนี้
-
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงแบนที่มีการผลิตลดลง ได้แก่ เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน เหล็กแผ่นรีดเย็น และเหล็กแผ่น เคลือบสังกะสี จากการนำเข้าเหล็กที่มีราคาถูกจากต่างประเทศ
-
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงยาวที่มีการผลิตลดลง ได้แก่ เหล็กเส้นกลม เหล็กโครงสร้างรูปพรรณชนิดรีดร้อน เหล็กลวด และลวดเหล็ก สำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงแบนที่ลดลง เช่น เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน เหล็กแผ่นรีดเย็น และเหล็กแผ่น เคลือบสังกะสี จากการนำเข้าเหล็กที่มีราคาถูกจากต่างประเทศ
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
การบริโภคเหล็กในประเทศ
ในปี 2566 การบริโภคเหล็กในประเทศมีปริมาณ 16.7 ล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 1.9 (%YoY) จากปีที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นทั้งผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงยาวและเหล็กทรงแบน
-
เหล็กทรงแบนมีการบริโภคเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี และเหล็กแผ่น เคลือบประเภทอื่น ๆ ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้าง เป็นหลักเครื่องใช้ไฟฟ้า
-
เหล็กทรงยาวทุกประเภทมีการบริโภคเพิ่มขึ้น
การนำเข้าเหล็กและเหล็กกล้า
ใน 2566 การนำเข้าเหล็กและเหล็กกล้ามีมูลค่า 11.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 7.3 (%YoY) จากปีที่ผ่านมา โดยลดลงทั้งผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงยาวและเหล็กทรงแบน
-
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงแบนที่มีมูลค่านำเข้าลดลง เช่น เหล็กแผ่นรีดร้อน เหล็กแผ่นรีดเย็น และเหล็กแผ่นเคลือบทุกประเภทที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
-
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงยาวที่มีมูลค่านำเข้าลดลง เช่น เหล็กเส้น เหล็กลวด และลวดเหล็กที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้าง
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย
แนวโน้มอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าปี 2567
แนวโน้มอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าในปี 2567 คาดการณ์ว่า การผลิตจะปรับตัวลดลงร้อยละ 3.7 เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจาก คาดว่าจะมีการนำเข้าเหล็กที่มีราคาถูกจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลต่อปริมาณการผลิตเหล็กในประเทศ สำหรับการบริโภค เหล็กปี 2567 คาดว่ามีปริมาณ 16.8 ล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 0.6 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีปัจจัยจากการขยายตัวของการลงทุน ภาคเอกชน ทั้งนี้ มีประเด็นสำคัญที่น่าติดตาม เช่น สถานการณ์ เศรษฐกิจและการค้าโลก และการดำเนินนโยบายอุตสาหกรรม เหล็กของจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิต ผู้บริโภค และผู้ส่งออกเหล็กรายใหญ่ของโลกเนื่องจากจะส่งผลต่อปริมาณการผลิตผลิตภัณฑ์เหล็ก ในประเทศ
อ่านต่อ:
- สมอ. คุม ‘เหล็กกล้าทรงแบนเคลือบสังกะสีผสมอะลูมิเนียมและแมกนีเซียม’ สกัดเหล็กด้อยคุณภาพทะลักเข้าไทย เตรียมบังคับใช้ปี'67
- สภาอุตฯ ร่วมภาคเอกชน คัดค้านการยุติ AD บราซิล อิหร่าน ตุรกี
บทความยอดนิยม 10 อันดับ
- ยอดขายรถยนต์ 2566
- คาร์บอนเครดิต คือ
- อบรมรถยนต์ไฟฟ้า 2567
- Apple ครองตลาดสมาร์ทโฟนพรีเมียมในปี 2023
- การเปลี่ยนแปลงของเครือข่ายไร้สาย 5G
- ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า 2566
- สถิติส่งออกกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนไทยปี 2566
- เทคโนโลยีในงานโลจิสติกส์ มีอะไรบ้าง
- กฎหมาย ปล่องระบาย อากาศ
- solid state battery คือ
อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th
Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH
Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH